Stop Loss & Take Profit เครื่องมือที่ต้องใช้
มันไม่เกี่ยวกับการมี เวลามานั่งเฝ้าหน้าจอ เพื่อจะดูอัตรามันขึ้นลงหรอกครับ เครื่องมือ 2 ตัวนี้ มันเหมือนวินัยของนักลงทุน ในการจะจำกัดความเสี่ยง และเก็บเกี่ยวผลกำไร Stop Loss จะช่วยให้คุณกำหนดจำนวนเงินมากที่สุดที่จะขาดทุนได้ ส่วน Take Profit จะให้คุณกำหนดจำนวนเงินน้อยที่สุดที่คุณต้องการทำกำไรคำชี้แจง ไทยแอดพอยท์ ทำการโฆษณาให้กับผู้ลงโฆษณาต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2543 หรือกว่า 12 ปีมาแล้ว, 70% ของค่าโฆษณาที่ได้รับก็นำมาคืนให้กับสมาชิกไทยแอดพอยท์ อีโทโร่ เป็นหนึ่งในผู้ลงโฆษณา ที่ลงโฆษณามาตั้งแต่ 2552-02-28 ไทยแอดพอยท์จะได้รับค่าโฆษณา เมื่อคนที่คลิ๊กป้ายโฆษณาข้างล่างนี้ จากไทยแอดพอยท์ ไปสมัคร และเทรดค่าเงิน กับอีโทโร่Advertisement
การเทรดที่ดี ทุกครั้งควรมี 3 คำสั่ง คือ คำสั่งซื้อขาย, Stop Loss และ Take Profit เรียกว่าเป็น กฎของนักลงทุนมืออาชีพเลยทีเดียวครับที่อีโทโร่ ทุกครั้งที่คุณสร้าง คำสั่งซื้อขาย ระบบมันจะสร้าง Stop Loss และ Take Profit ให้คุณด้วย โดยค่าเริ่มต้นของมัน คือ 100% ครับ จะมองว่ามันเป็นการช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้นก็ได้ หรือจะมองว่า มันเป็นเครื่องมือประกันความเสี่ยงของทางอีโทโร่เองก็ได้
มาดูตัวแรกกัน Stop Loss
แปลง่ายๆ ว่าเป็นคำสั่งที่ใช้กำหนดจำนวนเงินที่คุณจะขาดทุนได้มากสุดในคำสั่งซื้อขาย นั้นๆ คงไม่มีใคร มองเห็นทิศทางของตลาดได้ชัดเจน กำไรทุกครั้งหรอกครับ Stop Loss จะทำการปิดคำสั่งซื้อขายของคุณ เมื่อตลาดเคลื่อนไปในทิศตรงกันข้ามกับที่คุณคาดไว้ ถึงระดับจำนวนเงินที่คุณกำหนด มาดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ จะได้เห็นชัดเจนรูปข้างบนเป็นหน้าต่างในการสร้างคำสั่งซื้อขาย คุณ
- กำลังจะขาย EUR/USD ที่ 1.3283
- ที่ Leverage หรือ Risk Level 1:100 ไว้ผมจะเขียนถึงเรื่องนี้เฉพาะอีกที
- จำนวนเงินลงทุนคือ 100 USD
- จำนวนหน่วยลงทุนคือ 10,000 หน่วย
- อีโทโร่ จะกำหนด Stop Loss ไว้ที่ 100% หรือเท่ากับ -100 USD คุณเข้าไปแก้ไขได้
ซึ่งจะไปเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD ที่ 1.3383
จุดนี้คุณเลือกกำหนดได้ว่า จะกำหนดด้วยอัตราแลกเปลี่ยน หรือจะกำหนดด้วยจำนวนเงิน
คุณลงเงินไป 100 USD อีโทโร่ ก็ให้คุณขาดทุนได้มากสุด 100 USD หรือมากกว่านิดหน่อย เพราะค่าเงินมันขึ้นลง ไม่ใช่ทีละ 0.0001 บางครั้งมันก็ขึ้น +2, -2 หรือ +23 อะไรพวกนั้น
ด้วยอัตราความเสี่ยง 1:100 มันนานทีเดียวครับ กว่าค่าเงินจะเปลี่ยน 1% ในที่นี้ 0.0100 หรือ 100 pips ถ้าคุณนั่งอยู่หน้าจอ เห็นมันขึ้นเอา ขึ้นเอา ไปถึง 1.3303 คุณขาดทุนไป 20 USD ดูท่าไม่ดี คุณก็อาจจะกด ปิดคำสั่งซื้อขายนี้ เอง เงินที่เหลือ 80 USD ก็จะโอนกลับเข้าไปที่ Account Balance ของคุณ
แต่ถ้าคุณไม่อยู่ละ ต้องออกไปข้างนอก ต้องไปทำงาน เดินไปห้องน้ำ (อันนี้พวกที่เล่น 1:400 เพราะมันจะขาดทุนหมดเร็วมาก) ก็กำหนด Stop Loss ไว้ เช่นกำหนดที่ 1.3333 หรือ 50 USD ถ้ามันขึ้นไปถึงเมื่อไร ระบบก็ปิดคำสั่งให้คุณเอง มันอาจจะเปิดที่ 1.3333 หรือ 1.3334, 1.3335 แถวๆ นั้น คุณก็ขาดทุนแค่ 50 USD
.
อีกตัวหนึ่ง Take Profit
ถ้าตลาดเดินไปในทิศทางที่คุณหวังไว้ ในกรณีนี้ คุณขาย คุณก็หวังให้มันตก มันลดลงเรื่อยๆ ถ้ามันถึงจุดที่กำหนด Take Profit ก็ปิดคำสั่งซื้อขายให้คุณเอง กำไรก็เข้าไปใน Account Balance ของคุณ- จากรูปเดิม คุณกำหนด Take Profit ที่ 1.3186 หรือเท่ากับ 100 USD
จะกำหนดเท่าไร กี่เปอร์เซนต์ ไม่มีใครตอบได้ดีกว่าคุณครับ กับตัวเลขข้างบนตลาดมันขึ้นลงด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง แล้วจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาดให้อ่านกันครับ ทั้งปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) , ปัจจัยทางเทคนิค (Technical) และ แนวโน้มตลาด (Sentiment)
- ถ้าคุณกำหนด Take Profit ที่ 1.3233 หรือกำไร 50 USD แต่มันไปไม่ถึงเสียที พอถึง 1.3243 แล้วมันก็กลับขยับขึ้น ระบบมันก็ไม่ปิดคำสั่งของคุณ คุณก็มีโอกาสกำไรน้อยลงหรือขาดทุน
- ถ้าคุณกำหนด Take Profit ที่ 1.3253 หรือกำไร 30 USD ระบบมันปิดแล้ว คุณกำไรแล้ว แต่ตลาดก็ยังไปในทิศทางที่คุณเลือกไว้ คุณก็พลาดโอกาสได้กำไรเพิ่ม
แต่ผมว่าอย่างหลังนี่ดีกว่าครับ
ทั้งๆ ที่อัตรามันเปลี่ยนแปลง บวก/ลบ แค่ 1% แต่คุณได้ หรือเสีย 100% ทั้งนี้เพราะเจ้า Leverage หรือ Risk Level นี่แหละครับ คุณใช้เงินแค่ 100 ซื้อขาย 10000 หน่วยลงทุนนี่ครับ
เพราะตลาดมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ที่เปลี่ยนกว่าคือ ใจของคุณเองครับ หลังจากคุณกำหนดแล้ว ไม่ว่าจะ Stop Loss หรือ Take Profit คุณก็ยังสามารถแก้ไขมันได้อีกในตัว Web Trader รายการนั้นๆ ครับ คลิ๊กขึ้นมาแก้ไขได้ แนะนำผู้ค้ารายใหม่มาใช้ PayPal แล้วรับเงินสูงสุดถึง ฿36,000.00 THB ต่อครั้ง โปรแกรมโบนัสแนะนำผู้ค้ามีรางวัลสมนาคุณแด่คุณ เมื่อนำธุรกิจใหม่ๆ มาสู่ PayPal